[How to] สร้าง AI Agents ยังไง ให้ธุรกิจใช้สร้างประโยชน์ได้จริง

AI

how-to-creat-ai-agents-for-business.jpg

[How to] สร้าง AI Agents มาใช้ในองค์กร สำหรับเจ้าของธุรกิจ ตามฉบับ Anthropic บริษัท LLM ยักษ์ใหญ่

วันนี้เราจะมาแชร์แนวทางการสร้าง AI Agents ให้ตอบโจทย์การใช้งานได้จริง ! โดยเป็นการสรุปวิธีการใช้งานตามแบบฉบับของ Anthropic บริษัทผู้สร้างโมเดลภาษาขนาดใหญ่ หรือ Large Language Model ในชื่อ Cloude

ก่อนจะเข้าสู่ทริค มาดูกันก่อนว่า.. “จริง ๆ แล้ว AI Agents คืออะไร ?”
AI Agents คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการได้เอง ตามเป้าหมายที่กำหนด โดยอาศัยข้อมูลจากสภาพแวดล้อมและปรับตัวตามสถานการณ์ ไม่ใช่แค่ "ระบบอัตโนมัติ" ทั่วไป แต่คือผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง ช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยจะสามารถทำงานผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น OpenAI และ Anthropic เป็นต้น

📌ปักหมุด 7 วิธีสร้าง AI Agents มาใช้ในองค์กรตามฉบับ Anthropic ฉบับย่อสั้น ๆ เข้าใจง่าย!
1. เลือกโครงสร้างการทำงานให้เหมาะสม
- Workflows เหมาะกับงานที่ต้องการความแน่นอนและมีรูปแบบชัดเจน เช่น
- ตั้งค่าระบบตอบอีเมลอัตโนมัติ
- สร้างโพสต์โซเชียลมีเดียตามเทมเพลต
- AI Agents เหมาะกับงานที่ต้องการการตัดสินใจและการเรียนรู้ เช่น
- วิเคราะห์ฟีดแบ็กลูกค้าเพื่อหาความคิดเห็นหลัก
- วิเคราะห์แนวโน้มตลาดจากข้อมูลขนาดใหญ่
2. เชื่อมโยงงานเป็นขั้นตอน (Prompt Chaining) – โดยมีหลักการง่าย ๆ คือ แทนที่จะให้ AI ทำงานทั้งหมดในครั้งเดียว ให้แบ่งงานออกเป็นขั้นตอนย่อย
เช่น ให้ AI สร้างโครงร่างก่อน แล้วตรวจสอบก่อนเขียนฉบับเต็ม
ข้อดีของการใช้ Prompt Chaining คือ ช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้ผลลัพธ์มีคุณภาพสูงขึ้น ควบคุมทิศทางของ AI ได้ดีขึ้น และช่วยให้สามารถปรับแต่งและปรับปรุงผลลัพธ์ได้ง่ายขึ้น
3. แบ่งงานให้ AI หลายตัวแยกกันทำ เหมือนการสร้างทีม AI – ใช้ AI หลายตัวเพื่อให้แต่ละตัวเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ช่วยลดโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาด และสามารถปรับเปลี่ยนหรือแทนที่ AI บางตัวได้ง่ายมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น การสร้างเนื้อหาสำหรับแคมเปญการตลาด
AI A: วิเคราะห์แนวโน้มตลาด
AI B: เขียนเนื้อหาโพสต์
4. ใช้ AI Orchestrator เป็นผู้ควบคุมงาน – โดย AI Orchestrator คือ AI ที่ทำหน้าที่จัดการและควบคุม AI อื่น ๆ เป็นตัวหลักที่จะเข้ามาจัดการและมอบหมายงานให้ AI ตัวอื่น ลดความซับซ้อนของโปรเจกต์
ข้อดีของการใช้ AI Orchestrator เข้ามาช่วยควบคุมการทำงาน จะสามารถลดภาระการทำงานของมนุษย์ ทำให้ทีมสามารถโฟกัสกับงานสำคัญได้มากขึ้น และช่วยให้ปรับตัวได้ดีเมื่อธุรกิจต้องการขยายขนาด
5. ทดสอบอย่างเข้มข้นก่อนใช้งานจริง – โดยเป็นการทดลองในสภาพแวดล้อมจำลองเพื่อหาข้อผิดพลาดและปรับปรุงก่อนนำมาใช้จริง ซึ่ง AI ที่ไม่ได้ทดสอบ อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและผลเสียต่อธุรกิจ
6. ให้ AI ใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง – โดย AI จะทำงานได้ดีขึ้นถ้ามีเครื่องมือ และข้อมูลที่เหมาะสมโดยเป็นการที่ใช้เชื่อมต่อกับ APIs ฐานข้อมูล และซอฟต์แวร์ภายนอกให้เหมาะสม เพื่อลดข้อผิดพลาดในการทำงาน
7. ควบคุมต้นทุนให้เป็น – เพราะ AI Agents มีค่าใช้จ่ายสูง ต้องบริหารให้เหมาะสมตั้งงบประมาณและข้อจำกัด เช่น จำกัดจำนวนรอบที่ AI สามารถลองแก้ไขได้ เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายเกินจำเป็น

สรุปง่าย ๆ AI Agents จะช่วยให้ธุรกิจทำงานอัตโนมัติได้อย่างชาญฉลาด หากเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสม ตั้งแต่การเลือกโครงสร้างที่ใช่ แบ่งงานเป็นขั้นตอน ใช้ AI หลายตัวร่วมกันไปจนถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย จะเป็นการเริ่มต้นใช้ AI Agents ให้ช่วยสร้างประโยชน์ต่อองค์กรได้เป็นระบบกว่าเดิม
💬 แล้วธุรกิจของคุณพร้อมใช้ AI Agents แล้วหรือยัง?

#AIAgents #AI #generativeai #Technology #ปัญญาประดิษฐ์ #digitaltransformation #transformationbuddy #thebigblue #thebigblueocean #businessowner #BBO

Big blue's logo
ติดต่อเรา

contact@bigblueocean.co


©2024 Bigblueocean All rights reserved