“หงส์ไทย” แบรนด์ที่เริ่มต้นจากแค่ 200 บาท

Inspiration
Customer Experience

hongthai.jpg
5 กลยุทธ์ยาดม “หงส์ไทย” แบรนด์ที่เริ่มต้นจากแค่ 200 บาท สู่การเติบโตแบบก้าวกระโดดไปกว่า 100 ล้าน อยู่คู่คนไทยมา 20 ปี

ปฏิเสธไม่ได้ว่ายาดมหงส์ไทยกลับมาเป็นไวรัลเพราะ ‘ลิซ่า’ ในปีที่ผ่านมาอีกครั้ง แต่ถ้ามองย้อนกลับไปยาดมกระปุกเขียวนี้ก็ไม่เคยหายไปจากคนไทยเลยจริงไหม ?

ยาดมหงส์ไทยอยู่คู่คนไทยมากว่า 20 ปี พร้อมด้วยคุณภาพสินค้าที่ดีไม่มีตก เริ่มต้นมาจากเจ้าของแบรนด์ คุณธีรพงศ์ ระบือธรรม ที่มีแพชชั่นในตลาดของยาดม จนเริ่มทำและนำไปลองฝากขายตามพื้นที่ต่างๆ ซึ่งในช่วงเริ่มต้นคุณธีรพงศ์ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า เริ่มด้วยเงินเพียง 200 บาท จนมาในปัจจุบันที่หงส์ไทยทำยอดขายได้กว่า 100 ล้านบาทในปี 2566 ที่ผ่านมา !
--------------------------------
พาส่อง 5 กลยุทธ์ ‘หงส์ไทย’ ที่พาให้เติบโตมาได้จนถึงปัจจุบัน !
--------------------------------
👉 กลยุทธ์ที่ 1 กล้าที่จะแตกต่าง
คุณธีระพงศ์ได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า ในช่วงเริ่มต้นแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะชินกับยาดมที่เป็นหลอดเล็ก แต่เขาก็ยังกล้าที่จะลองปรับเปลี่ยนรูปแบบของหงส์ไทยมาในรูปแบบยาดมกระปุก และทดลองใช้ด้วยตัวเองก่อนจะพบว่ายาดมกระปุกแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกที่ดีและฟินไม่ต่างกัน

👉 กลยุทธ์ที่ 2 อย่า ‘หยุด’ ลงมือทำ
สุภาษิตของเจ้าของแบรนด์หงส์ไทยคือคำว่า ‘ทำ’ แม้จะยังไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องลองลงมือทำใหม่ จนกว่าเราจะเจอทางที่ใช่ การลงมือทำเป็นวิธีที่ทำให้เราได้องค์ความรู้ใหม่ๆ จากข้อผิดพลาด และยังได้ประสบการณ์อีกด้วย

👉 กลยุทธ์ที่ 3 นำ ‘คำตำหนิ’ ไปปรับปรุงและต่อยอด
การที่เรารับฟังคำตำหนิจากลูกค้า เป็นสิ่งที่ทำให้ตัวเราได้คิดและหาทางพัฒนาสินค้าหรือบริการได้แบบตรงจุด หงส์ไทยเองก็ต้องมีการพัฒนาอยู่กว่า 500 ครั้ง กว่าจะมาเป็นหงส์ไทยที่อยู่คู่คนไทยทุกวันนี้ การที่เรามองข้ามข้อตำหนิอาจทำให้เราเสียโอกาสในการขยายไปสู่ลูกค้ากลุ่มนั้นๆ แต่หากเราเลือกที่จะปรับปรุงหาจุดเด่นจุดด้อยเราจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้แบบตรงจุด และได้สิ่งที่ดีที่สุดให้กับผลิตภัณฑ์ของเรา

👉 กลยุทธ์ที่ 4 หงส์ไทยใส่ใจพนักงานอย่างแท้จริง
แบรนด์หงส์ไทยไม่มีนโยบายการปลดพนักงาน และยังคงใช้แรงงานคนในการผลิตอยู่ เพราะมองว่าพนักงานและหงส์ไทยอยู่ด้วยกันมานาน แบรนด์เองก็ต้องมีการดูแลพนักงานตราบเท่าที่พนักงานยังอยู่กับแบรนด์ แม้ว่าวันที่แบรนด์กลายเป็นโรงงานก็ยังเชื่อว่าตัวพนักงานจะเข้าใจถึงแก่นแท้ของงานไปด้วยกัน

👉 กลยุทธ์ที่ 5 ‘คุณภาพ’ คือหัวใจสำคัญ
การทำธุรกิจที่มองหาแค่ผลกำไรหรือกลัวเรื่องการขาดทุนมาก่อน จนทำให้ตัดสินใจลดคุณภาพของสินค้าลงเพื่อลดต้นทุน อาจส่งผลให้ลูกค้ามองว่าแบรนด์ของเราไม่ใส่ใจลูกค้า แต่ถ้าเราใส่ใจเรื่องของคุณภาพสินค้ามาก่อนเรื่องของต้นทุน นั่นเปรียบเสมือนแก่นสำคัญที่จะช่วยให้เราสร้างฐานลูกค้าได้จากความไว้วางใจและสามารถทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในแบรนด์ของเราจนกลับมาซื้อใหม่ได้นั่นเอง

Big blue's logo
ติดต่อเรา

contact@bigblueocean.co


©2024 Bigblueocean All rights reserved